แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 25
1
อาการโรคความดันสูงเป็นอย่างไร? อันตรายเงียบ… รู้ไว้ก่อน ป้องกันได้

หลาย ๆ คนมีความสงสัยว่า อาการความดันสูงเป็นอย่างไร? ส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักไม่แสดงอาการ ซึ่งการที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการนั้น เนื่องจากความดันโลหิตสูงเกิดจากแรงดันของเลือดที่ดันที่ผนังหลอดเลือดแดงสูงเกินปกติ แรงดันที่เพิ่มขึ้นนี้สามารถทำลายหลอดเลือดได้หากเป็นเรื้อรัง แต่ร่างกายจะปรับตัวต่อแรงดันที่สูงนี้ได้เอง ซึ่งการปรับตัวนี้เป็นคำอธิบายว่าทำไมคนที่มีความดันโลหิตสูงจึงไม่มีอาการ

ความดันโลหิตสูงเพิ่มความเสี่ยงโรคอื่น ๆ

อย่างไรก็ตาม การไม่มีอาการผิดปกติไม่ได้แปลว่าไม่เป็นอันตราย ความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้รับการควบคุมอาจส่งผลร้ายแรงต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ เช่น

โรคหัวใจ

ความดันโลหิตสูงทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดไปทั่วร่างกาย ซึ่งในระยะยาวอาจนำไปสู่โรคหัวใจในที่สุด


โรคหลอดเลือดสมอง

เมื่อมีภาวะความดันโลหิตสูง แรงที่กระทำต่อผนังหลอดเลือดแดงอาจทำให้เสียหาย เสี่ยงต่อการแตกหรืออุดตันได้ง่ายขึ้น ซึ่งหากเกิดหลอดเลือดแดงแตกหรืออุดตันในสมอง อาจทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองตามมา


โรคไต

ความดันโลหิตสูงอาจทำลายระบบกรองภายในไต นำไปสู่โรคไต

หัวใจล้มเหลว

เมื่อเวลาผ่านไป แรงดันที่สูงอย่างต่อเนื่องส่งผลต่อหัวใจ อาจทำให้หัวใจทำงานได้แย่ลง สูบฉีดเลือดได้ไม่ดี ภาวะนี้เรียกว่า “หัวใจล้มเหลว”


อาการความดันสูงเป็นอย่างไร?

แม้ว่าผู้ป่วยความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่มักจะไม่มีอาการที่ชัดเจน แต่บางคนอาจแสดงอาการที่ผิดปกติ อย่างไรก็ตามสัญญาณเหล่านี้มักไม่เฉพาะเจาะจง และอาจเกิดจากโรคอื่น ๆ ได้ แต่หากคุณมีอาการดังต่อไปนี้ ควรต้องไปตรวจวัดความดันโลหิต เพื่อหาว่าเป็นความดันโลหิตสูงหรือไม่

1. ปวดศีรษะ

การปวดศีรษะบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในตอนเช้า อาจเป็นสัญญาณเบื้องต้นของความดันโลหิตสูง


2. วิงเวียนหรือรู้สึกหน้ามืด

รู้สึกเหมือนหน้ามืดหรือวิงเวียนเมื่อยืนขึ้น อาจเป็นสัญญาณของความดันโลหิตที่เปลี่ยนแปลง


3. ตาพร่า

มีการเปลี่ยนแปลงของการมองเห็น เช่น ตาพร่ามัวหรือมองไม่เห็นชั่วคราว อาจเป็นอาการที่พบได้น้อยแต่อาจเป็นอาการเตือนของความดันโลหิตสูง


4. อ่อนเพลีย

รู้สึกเหนื่อยง่ายหรืออ่อนเพลียผิดปกติ บางครั้งอาจเกี่ยวข้องกับความดันโลหิตสูง


5.นอนหลับยาก

การนอนหลับไม่สม่ำเสมอและนอนหลับยาก อาจเกี่ยวข้องกับความดันโลหิตสูง


6.เลือดกำเดาไหล

การมีเลือดกำเดาไหลบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในเด็ก อาจเป็นสัญญาณเตือนของความดันโลหิตสูง

อย่างไรก็ตาม อาการเหล่านี้อาจเกิดจากภาวะอื่น ๆ ได้ ดังนั้นหากคุณมีอาการเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีประวัติคนในครอบครัวเป็นความดันโลหิตสูงหรือมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ควรวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ

อย่าปล่อยให้ความเงียบหลอกคุณ: การตรวจวินิจฉัยตั้งแต่เนิ่น ๆ คือหัวใจสำคัญของการรักษา

เพราะภาวะความดันโลหิตสูงมักไม่แสดงอาการ ดังนั้นจึงไม่ควรมองข้ามการตรวจวัดความดันโลหิตเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ การตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ ช่วยให้การรักษาและการควบคุมอาการทำได้อย่างรวดเร็ว ลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ในอนาคตได้อย่างมาก การตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ มีความสำคัญดังนี้

    ป้องกันความเสี่ยงต่อสุขภาพร้ายแรง: การตรวจพบและควบคุมความดันโลหิตสูงตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไต และภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้อย่างมาก
    ลดความจำเป็นในการใช้ยา: การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ตั้งแต่เนิ่น ๆ อาจเพียงพอที่จะควบคุมความดันโลหิตได้ โดยอาจช่วยให้ชะลอหรือแม้กระทั่งหลีกเลี่ยงการใช้ยาได้
    รักษาสุขภาพโดยรวม: การรักษาระดับความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ จะช่วยปกป้องระบบหัวใจและหลอดเลือด และส่งเสริมสุขภาพโดยรวม

การควบคุมความดันโลหิต

แม้ว่าจะพบบ่อยแต่ความดันโลหิตสูงเป็นภาวะที่สามารถควบคุมได้ โดยการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ให้มีสุขภาพดี คุณก็จะสามารถลดความดันโลหิต และลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้อย่างมาก ซึ่งทำได้โดย

    รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ: ภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของความดันโลหิตสูง การลดน้ำหนัก ก็สามารถช่วยควบคุมความดันโลหิตได้อย่างมาก
    รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: เน้นการรับประทานอาหารที่สมดุล ผัก ผลไม้ และธัญพืชไม่ขัดสี หลีกเลี่ยงไขมันอิ่มตัว ไขมันทรานส์ โซเดียม และของหวาน
    ออกกำลังกายเป็นประจำ: ตั้งเป้าหมายออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที ด้วยความหนักระดับปานกลาง 5 วันต่อสัปดาห์
    ลดความเครียด: ความเครียดเรื้อรังอาจส่งผลต่อความดันโลหิตสูง ลองทำกิจกรรมการจัดการความเครียด เช่น โยคะ การนั่งสมาธิ หรือการฝึกหายใจลึก ๆ
    จำกัดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป อาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
    ไม่สูบบุหรี่: การสูบบุหรี่ทำลายหลอดเลือด และทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
    ควบคุมโรคประจำตัว: หากคุณมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน หรือโรคไต ควรพบแพทย์ตามนัดและควบคุมโรคเหล่านั้นไม่ให้รุนแรง เนื่องจากโรคเหล่านี้อาจทำให้ความดันโลหิตสูงรุนแรงขึ้น


สรุป

ความดันโลหิตสูงถือเป็นภัยร้ายที่คุกคามระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้เสี่ยงต่อโรคหัวใจ หลอดเลือดสมอง ไต และหัวใจล้มเหลว การที่ทราบว่าอาการความดันสูงเป็นอย่างไร? จะช่วยให้ทราบถึงอาการผิดปกติที่อาจเป็นสัญญาณอันตราย สัญญาณเตือนของความดันโลหิตสูงที่ไม่ควรปล่อยละเลย เช่น ปวดศีรษะ วิงเวียนศีรษะ ตาพร่ามัว อ่อนเพลีย นอนหลับยาก และเลือดกำเดาไหล การป้องกันความดันโลหิตสูงสามารถทำได้โดยการหมั่นตรวจวัดความดันเป็นประจำ ควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย ลดความเครียด งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเลิกสูบบุหรี่ การรักษาสุขภาพและรู้เท่าทันเกี่ยวกับความดันโลหิตสูง เป็นการป้องกันจากโรคร้ายและสร้างสุขภาพที่แข็งแรงให้กับตัวเอง

2
จัดฟันบางนา: ทำไมผู้ที่จัดฟันแบบใส ไม่ควรดื่มชา และกาแฟ

การจัดฟันแบบใส เป็นการจัดฟันที่ได้รับความนิยมมากในหมู่ดารา นักแสดง รวมไปถึงผู้ที่มีปัญหาสุขภาพฟันเพียงเล็กน้อยถึงปานกลาง มักจะนิยมเข้ารับการจัดฟันแบบใส เพราะด้วยความที่สามารถถอดเครื่องมือจัดฟันได้ จึงมีความสะดวกมากกว่าการจัดฟันแบบทั่วไป ที่มีเครื่องมือการจัดฟัน เป็นเหล็กอยู่ภายในช่องปากตลอดเวลา สำหรับการจัดฟันแบบใสนั้น ทันตแพทย์จะทำการวิเคราะห์โครงสร้างของฟันในช่องปากของผู้เข้ารับการรักษา แล้วใช้เครื่องมือสร้างแบบครอบฟันด้วยนวัตกรรมระบบคอมพิวเตอร์เป็นแบบเสมือนกับฟัน


ซึ่งจะเป็นออกแบบเครื่องมือในแบบ 3D โดยจะมีลักษณะเป็นแผ่นโพลิเมอร์ใสๆ บางๆ เมื่อสวมใส่เข้าไปจะรู้สึกกระชับ และเมื่อใส่เข้าไปแล้วถ้าไม่สังเกตก็แทบจะมองไม่เห็นเลย โดยเครื่องมือแบบใส ทันตแพทย์จะทำการเปลี่ยนให้กับผู้เข้ารับการรักษาทุกๆ 2 – 3 สัปดาห์ แล้วแต่กรณี ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพฟันด้วย ซึ่งเครื่องมือการจัดฟันนี้ ทันตแพทย์จะออกแบบมาให้เหมาะกับสภาพฟันของแต่ละบุคคล ซึ่งสภาพฟันของแต่ละบุคคลย่อมแตกต่างกันอยู่แล้ว

เป็นที่ทราบกันดีว่า ในการจัดฟันแบบใส ผู้เข้ารับการรักษาจะสามารถถอดเครื่องมือการจัดฟันได้ ซึ่งการที่ถอดเครื่องมือการจัฟันได้นี่เอง จึงทำให้ผู้เข้ารับการรักษาสามารถรับประทานอาหารได้อย่างหลากหลาย โดยไม่ต้องกังวลว่า เครื่องมือจัดฟันจะหลุดในระหว่างรับประทานอาหาร และไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดขณะรับประทานอาหารด้วย และเมื่อรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถใส่เครื่องมือกลับเข้าไปได้เหมือนเดิม และการถอดและสวมใส่เครื่องมือ ก็สามารถทำได้ง่าย ไม่ต้องออกแรงงัดเครื่องมือแรงๆ และขอบของเครื่องมือทีขอบที่เรียบทำให้ไม่บาดเหงือกหรือกระพุ้งแก้ม เหมือนกับการใส่เหล็กจัดฟันแบบทั่วไป


ดังนั้นการสวมใส่เครื่องมือที่ง่าย และสามารถถอดได้ง่ายนั้น จึงทำให้สะดวกและบางครั้ง อาจจะทำให้ผู้เข้ารับการรักษาเผลอลืมใส่เครื่องมือกลับเข้าไป หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว การใส่เครื่องมือการจัดฟันแบบใส ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องมีวินัยมากๆในการใส่เครื่องมือ เพราะการใส่เครื่องมือนั้น ส่งผลต่อผลการรักษาโดยตรง ผู้เข้ารับการรักษาควรใส่เครื่องมืออย่างน้อยวันละ 20-22 ชั่วโมงต่อวัน ตามคำแนะนำของทันตแพทย์ หากไม่ใส่เครื่องมือตามที่ทันตแพทย์สั่ง อาจจะทำให้ผลการรักษาคลาดเคลื่อนและเห็นผลการรักษาได้ช้าด้วย ดังนั้นผู้เข้ารับการรักษาจะต้องมีวินัยในการใส่เครื่องมือจัดฟัน เพื่อผลการรักษาที่ดี

นอกจากการรับประทานอาหารที่ผู้เข้ารับการรักษาสามารถรับประทานอาหารได้อย่างหลากหลายแล้ว การดื่มเครื่องดื่มก็ถือว่า เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน เพราะการดื่มเครื่องดื่ม ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องถอดเครื่องมือการจัดฟันออกเช่นกัน ยกเว้นดื่มน้ำเปล่าที่ไม่ต้องถอดเครื่องมือ ซึ่งข้อปฏิบัติข้อนี้อาจจะส่งผลต่อผู้ที่ชอบดื่มกาแฟตลอดทั้งวัน หรือผู้ที่ต้องดื่มชาในระหว่างวัน ซึ่งการดื่ม ชาหรือกาแฟนั้น จะส่งผลให้เครื่องมือจัดฟันเปลี่ยนสี เพราะฉะนั้น ผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใส ควรดื่มน้ำเปล่าเป็นหลัก ควรจะงดเครื่องดื่มที่มีสีที่จะส่งผลให้เครื่องมือเกิดคราบและเปลี่ยนสี เช่น ชา กาปฟ หรือน้ำอัดลม เพราะเครื่องดื่มที่กล่าวมานั้น จะทำให้เกิดคราบที่ผิวฟันและเครื่องมือจัดฟัน ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุที่จะทำให้ผู้เข้ารับการรักษาสูญเสียเงินเพิ่มและอาจจะสูญเสียฟันด้วยเนื่องจากฟันผุ อย่างไรก็ตาม เครื่องดื่มที่มีความร้อน ก็ส่งผลต่อเครื่องมือเช่นกัน อาจจะทำให้เครื่องมือบิดเบี้ยวได้


เนื่องจากความร้อนนั่นเอง ทั้งนี้ผู้เข้ารับการรักษา ควรที่จะทำความสะอาดเครื่องมือจัดฟันแบบใสให้มีความสะอาดอยู่เสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคราบและการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย โดยวิธีทำความสะอาดนั้นเพียงแค่ใช้น้ำสบู่ล้าง ไม่ควรใช้ยาสีฟันถูเพราะจะทำให้เครื่องมือจัดฟันขุ่น และไม่ควรใช้แปรงสีฟันขัดเครื่องมือ เพราะจะทำให้เกิดรอยบนเครื่องมือได้ เพราะฉะนั้น นี่คือเป็นสาเหตุที่ผู้เข้ารับการรักษาไม่ควรดื่ม เครื่องดื่มประเภท ชา กาแฟ เพราะจะทำให้เกิดคราบและส่งผลให้เครื่องมือเปลี่ยนสี รวมไปถึงยังส่งผลต่อสุขภาพช่องปากอีกด้วย

3
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


4
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


5
ปล่อยรถป้ายแดง Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic ปี 2023 ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic ปี 2023
Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic ปี 2023 เป็น Compact SUV ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวสไตล์คูเป้ผสมผสานกับความแข็งแกร่งของ SUV พร้อมด้วยชุดแต่ง AMG Dynamic ที่เสริมความสปอร์ตและความหรูหรา ถือเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมในตลาดรถยนต์พรีเมียมของประเทศไทย

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 6 มิ.ย. - 30 มิ.ย. 2568
Warranty ถึงปี 2026

ราคาพิเศษ 4,390,000 บาท

สนใจสอบถา มรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

สมรรถนะเครื่องยนต์:

เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง ขนาด 1.3 ลิตร (1,332 ซีซี)
เทอร์โบชาร์จเจอร์ (Turbocharger) และอินเตอร์คูลเลอร์
กำลังสูงสุด: 163 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด: 250 นิวตันเมตร ที่ 1,620 – 4,000 รอบ/นาที
จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8G-DCT (คลัตช์คู่ 8 จังหวะ)
ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: ประมาณ 8.7 วินาที
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย: ประมาณ 16.1 กม./ลิตร (ตาม ECO Sticker)


6
ซ่อมบำรุงอาคาร: ปัญหาน้ำรั่วจากพื้นห้องน้ำชั้น 2 เกิดจากอะไร ?

ปัญหาน้ำรั่วซึม เป็นปัญหาที่เจ้าของบ้านหลายคนต้องเผชิญ เพราะเป็นปัญหาที่มักจะพบได้บ่อย อาจจะเกิดจากวัสดุเสื่อมสภาพหรือปัญหาอื่นๆที่อยู่เหนือการควบคุม ส่วนใหญ่ปัญหาดังกล่าวนี้ อาจจะสร้างความหนักใจให้กับใครหลายๆคน เพราะนอกจากจะต้องเจอปัญหาน้ำซึมแล้ว ก็มักจะเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา ตั้งแต่พื้นหรือผนังเกิดความชื้นจนเชื้อราหรือตะไคร่ขึ้น สีทาบ้านลอกล่อน วัสดุกรุผิวโป่งพองหรือหลุดร่วง ไปจนถึงโครงสร้างบ้านได้รับความเสียหายจากการที่เหล็กเสริมในคอนกรีตเป็นสนิม ปัญหาน้ำซึมดังกล่าวมีที่มาจากทั้งภายนอกและภายในบ้าน โดยมีสาเหตุและแนวทางการแก้ไขต่างกันไป

แต่ปัญหาน้ำรั่วที่เกิดจากพื้นห้องน้ำ หรือมีน้ำรั่วมาจากพื้นห้องน้ำชั้นสอง ก็เป็นปัญหาที่สร้างความเสียหายให้เราไม่น้อย เพราะจะทำให้เกิดเชื้อรา และทำให้บ้านดูเก่าและโทรม จนบางครั้งอาจส่งกลิ่นเหม็นออกมาด้วย ซึ่งหากเกิดกรณีแบบนี้ เราควรเรียกช่างมาซ่อมและแก้ไขทันที ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ และควรหาต้นตอของปัญหาเพื่อที่จะได้แก้ไขได้อย่างตรงจุด เพราะไม่อย่างนั้น ปัญหานี้อาจจะกลับมาอีก และจะส่งผลให้เกิดความเสียหายอื่นๆตามมาได้ ซึ่งวันนี้ทางเราจะมาพูดถึงสาเหตุของการเกิดน้ำรั่วซึมจากห้องน้ำชั้น 2 ว่าเกิดได้จากสาเหตุอะไรบ้าง เพื่อเป็นแนวทางให้กับเจ้าของบ้านที่กำลังเผชิญกับปัญหานี้ ได้ทำการแก้ไขได้อย่างถูกต้องและไม่ทำให้ต้องมานั่งเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ด้วย

หลายครั้งที่เจ้าของบ้านอาจจะต้องเจอกับปัญหาน้ำรั่วซึมบริเวณเพดาน ยิ่งบ้านไหนมี 2 ชั้น และสังเกตเห็นร่องรอยของการรั่วซึมบนเพดานที่ตรงกับตำแหน่งของห้องน้ำชั้นสอง ให้สันนิษฐานก่อนเลยว่า น้ำที่รั่วซึมอยู่นั้น อาจจะมีสาเหตุมาจากห้องน้ำ หรือแม้ว่าหากมีการรั่วซึมทั้ง ๆ ที่ฝนไม่ได้ตก หรือไม่ได้อยู่ในช่วงหน้าฝน ก็คาดว่าน่าจะเป็นปัญหาจากน้ำภายในตัวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นน้ำจากท่อประปารั่ว หรือน้ำจากท่อระบายน้ำรั่ว ซึ่งมักจะเกิดในจุดที่ใกล้กับท่อเหล่านั้น เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว หรืออาจเป็นพื้นที่ทางผ่านท่อประปาและท่อระบายน้ำ ทั้งนี้ หากเป็นท่อประปารั่วสามารถสังเกตได้จากมิเตอร์น้ำว่าหมุนหรือไม่ทั้ง ๆ ที่ปิดน้ำทุกจุดแล้ว หากหมุนแสดงว่ามีจุดที่น้ำรั่ว

แต่หากเป็นท่อระบายน้ำรั่วต้องอาศัยพิจารณาจากแบบระบบสุขาภิบาลของบ้าน หรือคาดเดาเส้นทางการเดินท่อระบายน้ำที่มีอยู่ เมื่อหาตำแหน่งท่อที่เกิดปัญหารั่วพบแล้วให้ทำการซ่อมแซมให้เรียบร้อย โดยหากเป็นกรณีที่จำเป็นต้องทุบสกัดพื้นหรือผนังเพื่อซ่อมแซม อาจพิจารณาเดินท่อชุดใหม่ทดแทน สำหรับปัญหาดังกล่าว หากเกิดจากห้องน้ำบริเวณชั้นสอง อาจจะเกิดได้จากยาแนวเสื่อมสภาพ เพราะพื้นห้องน้ำเป็นส่วนที่มักจะเปียกชื้นอยู่เสมอ และเป็นส่วนที่จะต้องโดนน้ำยาทำความสะอาดพื้น คราบสบู่ แชมพู และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกายต่างๆ ทำให้กาวยาแนวเสื่อมสภาพลง และส่งผลให้น้ำหรือความชื้นลงไปใต้ร่องกระเบื้อง รั่วซึมลงไปยังชั้นล่างต่อนั่นเอง นอกจากนี้ อาจจะมีสาเหตุมาจากการปลูกสร้างบ้าน คือ เวลาปูกระเบื้องไม่ทากันซึมก่อน เพราะก่อนปูกระเบื้องห้องน้ำควรต้องทากันซึมก่อนปูกระเบื้อง เพราะห้องน้ำเป็นพื้นที่ที่เราใช้เป็นประจำวันทุกวัน ซึ่งพื้นห้องน้ำมีการไหลผ่านของน้ำแทบจะตลอดทั้งวัน

เมื่อเวลาผ่านไป ยาแนวที่เสื่อมสภาพพร้อมกับการกัดเซาะของน้ำทำให้เกิดการรั่วซึมจากพื้นห้องน้ำชั้นบนลงไปที่ฝ้าด้านล่าง ทำให้เกิดรอยด่างดำบนฝ้าเพดานตามมา และหากตรวจสอบแล้ว ไม่พบสาเหตุของการเกิดน้ำรั่วดังกล่าว ก็อาจจะเกิดจากการเจาะท่อน้ำไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งจะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างท่อกับพื้นห้องน้ำ ซึ่งช่างส่วนใหญ่มักจะนำเศษกระดาษมาอุดไว้ จากนั้นใช้ปูนซีเมนต์เทอุดบริเวณรอบท่อ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการรั่วซึมบริเวณท่อได้ง่ายน่นเอง

อย่างไรก็ตาม ทางเรามีบริการ ติดตั้งระบบประปา ออกแบบท่อน้ำในอาคาร ติดตั้งสุขภัณฑ์ในห้องน้ำในอาคาร และระบบจัดการแบบครบวงจร โดยเราจะทำการประเมินวิเคราะห์และออกแบบวางแผนบำรุงรักษา ไม่เพียงแผนการซ่อมแซมตามปกติที่ต้องเข้าดูแลอย่างรวดเร็วเท่านั้น การวางแผนซ่อมบำรุงเชิงป้องกันที่ระเอียดรอบคอบและยังได้กำหนดไว้ในทุกโครงการ เพื่อให้ผลการบริหารจัดการของอาคารที่มีประสิทธิภาพอยู่ในงบประมาณที่สมเหตุสมผล ภายใต้ความปลอดภัยให้กับผู้ใช้อาคาร

7
โรงงานไม่ติดฉนวนกันความร้อน ช่วงหน้าร้อนเสี่ยงมหันต์อะไรบ้าง?

ไม่ว่าจะเป็นโรงงานขนาดเล็กหรือใหญ่ ทุกโรงงานอุตสาหกรรมก็มีความเสี่ยงเรื่องปัญหาความร้อนสะสมภายในโรงงานด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้น การที่ผู้ประกอบการชะล่าใจไม่เห็นความสำคัญของการติดตั้ง “ฉนวนกันความร้อน” ในโรงงาน จะนำปัญหามาสู่โรงงานได้อย่างแน่นอนไม่ว่าเร็วก็ช้า ยิ่งในช่วงเข้าสู่หน้าร้อนด้วยแล้ว ก็ยิ่งมีโอกาสเสียงเกิดปัญหาได้ง่ายมากขึ้น โดยปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้จากการที่โรงงานไม่ติดฉนวนกันความร้อน ได้แก่

1.เครื่องจักรมีปัญหา กระบวนการผลิตหยุดชะงัก

โดยปกติเครื่องจักรโรงงานก็ทำงานหนักอยู่แล้ว เพราะต้องเดินเครื่องเกือบแทบจะตลอดเวลา ดังนั้น เมื่อเข้าสู่ช่วงหน้าร้อนที่อากาศภายนอกร้อนและทะลุเข้ามาสะสมภายในโรงงานมากขึ้น แล้วโรงงานไม่ได้มีการติดตั้งฉนวนกันความร้อนเอาไว้ เครื่องจักรก็จะยิ่งต้องทำงานหนักขึ้น จนอาจถึงขั้น Over Heat ได้

โดยเมื่อเครื่องจักรร้อนเกินไป ก็อาจทำให้ชำรุด พัง เสียงหาย และส่งผลต่อกระบวนการผลิตที่ล่าช้า ซึ่งความเสียหายนั้นอาจจะประเมินมูลค่าไม่ได้เลยก็ได้ เพราะไหนจะค่าซ่อมบำรุงเครื่องจักร ไหนจะการผลิตงานได้ไม่ตรงตามเวลา หรือส่งงานลูกค้าได้ไม่ตรงตามกำหนด

2.พนักงานเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ บาดเจ็บ เสียชีวิต

ไม่ใช่แค่เครื่องจักรเท่านั้นที่ Over Heat ได้ พนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ภายในโรงงานก็เกิดอาการ Heat Stroke ได้เช่นกัน โดยหากต้องทำงานต่อเนื่องติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ๆ ภายในโรงงานที่ร้อน อบอ้าว มากเกินไป ซึ่งถ้าเกิดความเสียหายเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็คือ พนักงานทำงานผิดพลาด เกิดความเสียหายเล็กน้อย แต่ถ้าหนักที่สุดคือ พนักงานเป็นลม ลื่นล้ม ประสบอุบัติเหตุ บาดเจ็บ พิการ หรืออาจร้ายแรงจึงถึงขั้นเสียชีวิต

ซึ่งหากโชคร้ายมีพนักงานเสียชีวิตขึ้นมา นอกจากความเสียหายที่ต้องชดใช้แล้ว โรงงานจะถูกตรวจสอบซึ่งอาจมีความผิดที่ดูแลสวัสดิภาพพนักงานไม่ดีพอจนเป็นเหตุทำให้พนักงานถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งถ้าถูกฟ้องร้องจะนำความเสียหายอีกมากมายมาสู่ธุรกิจ

3.เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุอัคคีภัยรุนแรง

เครื่องจักรที่ทำงานหนักมาก ๆ โรงงานที่มีสารเคมีที่ลุกติดไฟได้นั้น ถือว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องควบคุมความร้อนสะสมภายในโรงงานให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเพียงแค่ประกายไฟเล็กน้อยที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิต ก็สามารถเป็นชนวนเหตุของอัคคีภัยรุนแรงได้

ซึ่งฉนวนกันความร้อนนั้น ไม่ได้แค่ช่วยป้องกันที่ต้นเหตุ ที่ช่วยลดความร้อนสะสมภายในโรงงานเท่านั้น แต่ถ้าเป็นฉนวนกันความร้อนคุณภาพดี เช่น ฉนวนกันความร้อน SCG จะมีคุณสมบัติในการป้องกันการลุกลามของเพลิงไหม้ได้ด้วย เพราะต้องผ่านกระบวนการทดสอบตามมาตรฐานอุตสาหกรรม ให้เป็นฉนวนกันความร้อนที่ใช้ในอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ ซึ่งหากเกิดเพลิงไหม้ขึ้นมาจริง ๆ ฉนวนกันความร้อนก็จะช่วยลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้อย่างมาก

การที่โรงงานไม่ติดฉนวนกันความร้อนนั้น ถือว่าเป็นความประมาทที่จะนำไปสู่ความเสียหายอย่างแน่นอนในอนาคต ทั้งนี้ เพราะกฎหมายก็มีกำหนดอย่างชัดเจนว่า ผู้ประกอบการมีหน้าที่ความรับผิดชอบที่จะต้องควบคุมความร้อนสะสมภายในโรงงานให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อสวัสดิภาพของพนักงานภายในองค์กร โดยหากตรวจพบว่าโรงงานไม่ปฏิบัติตามก็จะถูกปรับและสั่งให้แก้ไข ซึ่งก็ต้องย้อนกลับมาติดฉนวนกันความร้อนอยู่

อย่างไรก็ตาม แม้ไม่ได้เป็นหน้าร้อน ฉนวนกันความร้อนก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้สำหรับโรงงานเสมอ เพราะมีส่วนช่วยสำคัญในการประหยัดพลังงาน ไม่ให้ต้องสูญเสียค่าไฟ ค่าซ่อมบำรุง มหาศาล ซึ่งหากไม่ใส่ใจในเรื่องนี้ ก็อาจจะทำให้ต้นทุนในการผลิตสูงขึ้นจนกำไรหดหายไปไม่รู้ตัวก็ได้

ดังนั้น เมื่อพิจารณาถึงประโยชน์ที่จะได้รับรวมกับผลเสียที่อาจเกิดขึ้นได้แล้ว การติดตั้งฉนวนกันความร้อนจึงเป็นสิ่งเร่งด่วนอันดับต้น ๆ ที่ผู้ประกอบการทุกคนควรดำเนินการ เพื่อให้โรงงานมีมาตรฐาน ปลอดภัย และมีบรรยากาศที่ส่งเสริมการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

8
ความสำคัญกับการสร้างสมดุลระหว่างงานประจำและอาชีพเสริม

การสร้างสมดุลระหว่างงานประจำและอาชีพเสริมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพกาย สุขภาพจิต และความสุขโดยรวมของชีวิต เพราะการทำงานหนักเกินไปโดยไม่ให้ความสำคัญกับการพักผ่อนและการใช้ชีวิตส่วนตัว อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพและความสัมพันธ์ได้

ความสำคัญของการสร้างสมดุล

สุขภาพกาย:
การทำงานหนักเกินไปอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และภาวะหมดไฟ
การสร้างสมดุลช่วยให้มีเวลาออกกำลังกาย เลือกกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และนอนหลับพักผ่อนได้อย่างเพียงพอ

สุขภาพจิต:
ความเครียดจากการทำงานหนักอาจนำไปสู่ความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า และความไม่พึงพอใจในชีวิต
การสร้างสมดุลช่วยให้มีเวลาทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย สร้างความสุข และลดความเครียด

ความสัมพันธ์:
การทำงานหนักเกินไปอาจทำให้ไม่มีเวลาให้ครอบครัว เพื่อนฝูง และคนรัก
การสร้างสมดุลช่วยให้มีเวลาสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง และมีความสุขกับชีวิตส่วนตัว

ประสิทธิภาพในการทำงาน:
การพักผ่อนอย่างเพียงพอและการมีชีวิตส่วนตัวที่สมดุล จะช่วยให้มีสมาธิและประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น
การทำงานหนักเกินไปอาจทำให้เหนื่อยล้า ขาดสมาธิ และประสิทธิภาพในการทำงานลดลง

วิธีสร้างสมดุล

วางแผนการจัดการเวลา:
กำหนดเวลาทำงานและเวลาพักผ่อนให้ชัดเจน และพยายามปฏิบัติตามแผน
จัดลำดับความสำคัญของงาน และทำงานที่สำคัญที่สุดก่อน

กำหนดขอบเขต:
เรียนรู้ที่จะปฏิเสธงานที่ไม่จำเป็น หรือเกินกำลัง
กำหนดเวลาสิ้นสุดการทำงาน และพยายามไม่ทำงานนอกเวลา

ใช้เวลาพักผ่อนให้มีคุณภาพ:
ทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย เช่น ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือใช้เวลากับครอบครัว
พักผ่อนให้เพียงพอ และนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน

ดูแลสุขภาพ:
กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และตรวจสุขภาพเป็นประจำ
หากรู้สึกเครียดหรือเหนื่อยล้า ควรหาเวลาพักผ่อน หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

สร้างความสัมพันธ์ที่ดี:
ให้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูง และคนรัก
เข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม หรือหากิจกรรมที่ทำร่วมกับคนรอบข้าง
การสร้างสมดุลระหว่างงานประจำและอาชีพเสริมอาจต้องใช้เวลาและการปรับตัว แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะคุ้มค่าต่อสุขภาพและความสุขของคุณ

9
หมอออนไลน์: ตะขาบกัด

ตะขาบมักไม่มีพิษร้ายแรง นอกจากทำให้บริเวณที่ถูกกัดมีอาการบวมแดงและปวดเล็กน้อย แต่บางรายอาจมีอาการปวดรุนแรงได้

น้อยรายที่อาจทำให้มีไข้ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน

ในประเทศไทยยังไม่มีรายงานว่ามีคนถูกตะขาบกัดตาย


สาเหตุ

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ทาบริเวณที่ถูกกัดด้วยแอมโมเนีย หรือครีมสเตียรอยด์

2. ถ้าปวด ให้กินยาแก้ปวด และใช้น้ำแข็งประคบ

3. ถ้าปวดมาก ใช้ยาชาฉีดตรงบริเวณที่ปวด

4. ถ้าปวดศีรษะ มีไข้ ให้ยาแก้ปวดลดไข้ และควรให้นอนพัก มักจะหายได้ภายใน 12 ชั่วโมง


การดูแลตนเอง

ทาบริเวณที่ถูกกัดด้วยแอมโมเนียหรือยาหม่อง ใช้น้ำแข็งหรือน้ำเย็นประคบ ให้ยาแก้ปวด-พาราเซตามอล*

ควรปรึกษาแพทย์ ถ้ามีอาการปวดแผลมาก หรือกินยาแก้ปวดไม่ได้ผล

*เพื่อความปลอดภัย ควรขอคำแนะนำวิธีและขนาดยาที่ใช้   ผลข้างเคียงของยา และข้อควรระวังในการใช้ยา  จากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะการใช้ยาในเด็ก สตรีที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร  ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวหรือมีการใช้ยาบางชนิดที่แพทย์สั่งใช้อยู่เป็นประจำ

10
การจัดฟันเด็ก เป็นประโยชน์ต่อขากรรไกรของเด็กอย่างไร

ในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน สำหรับเด็กนั้น เป็นเรื่องของพ่อแม่ผู้ปกครองที่ต้องดูแลเอาใจใส่ให้มากเป็นพิเศษ พ่อแม่ควรปลูกฝังให้เด็กรู้จักวิธีการแปรงฟันอย่างถูกต้อง เพื่อให้เด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย ที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งก็คือ พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะหมั่นสังเกตพฤติกรรมของเด็กด้วย เพราะพฤติกรรมของเด็กนั้น ล้วนแต่ส่งผลต่อสุขภาพช่องปากและฟัน รวมไปถึงขากรรไกรของเด็ก ซึ่งเป็นรากฐานของฟันที่จะขึ้นมาในอนาคต เพราะเด็กบางคนอาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับขากรรไกร ซึ่งก็เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพันธุกรรม หรือพฤติกรรมในวัยเด็ก


ซึ่งการจัดฟันในเด็ ก็สามารถแก้ไขในเรื่องดังกล่าวได้ บางกรณีเด็กอาจจะมีฟันสบไขว้ อาจทำให้ขากรรไกรเจริญเติบโตไม่สมดุลกัน และมีปัญหาในการบดเคี้ยวอาหาร ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องรีบแก้ไข เพราะการบดเคี้ยวอาหารไม่สะดวก อาจจะส่งผลต่อร่างกายของเด็กได้ สำหรับวันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงเรื่องของการจัดฟันในเด็ก ที่เป็นประโยชน์ต่อขากรรไกรของเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนอจจะยังไม่ทราบว่า การจัดฟันในเด็กนั้น สามารถส่งเสริมให้เด็กมีขากรรไกรที่สมดุลกัน และเป็นประโยชน์ต่อกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า ทำให้ใบหน้าอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมด้วย

เราต้องอธิบายก่อนว่า การจัดฟันในเด็กนั้น เป็นการใช้ประโยชน์จากขากรรไกรของเด็กที่กำลังอยู่ในช่วงของการเจริญเติบโต นอกจากนี้ ยังอาจจะสามารถแก้ไขส่วนโค้งของแนวฟันและขากรรไกรที่อยู่ในตำแหน่งไม่เหมาะสมได้อีกด้วย สำหรับการจัดฟันในเด็ก เป็นการแก้ไขปัญหาฟันให้บุตรหลานของท่านมีฟันที่สวยงาม ส่งเสริมในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน และการจัดฟันในเด็ก ยังสามารถแก้ไขได้เมื่อปัญหาฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากทันตแพทย์ตรวจพบปัญหาฟันแต่เนิ่นๆ ก็จะสามารถแก้ไขได้ทันที โดยปัญหาฟันบางอย่างอาจเกิดจากการเจริญเติบโตของขากรรไกรที่ผิดปกติ อุปนิสัยการกิน การกลืน และการใช้ฟันผิดหน้าที่ของเด็ก ทันตแพทย์จะสามารถแก้ไขปัญหาฟัน


ทั้งนี้หากปล่อยให้ปัญหาดังกล่าว ดำเนินต่อไป จนเด็กคนนั้นโตขึ้น การแก้ไขปัญหาจะไม่สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ เหมือนตอนเด็กๆ อาจต้องมีการผ่าตัด หรือแก้ไขปัญหาข้อต่อขากรรไกรที่เสื่อมสภาพลงด้วย ดังนั้น การจัดฟันในเด็ก จึงมีประโยชน์ต่อขากรรไกรของเด็กอย่างมากมายเลยทีเดียว นี่คืออีกหนึ่สาเหตุที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการตรวจฟันเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อตรวจความผิดปกติ เพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้องและตรงจุด เพราะถ้าหากปล่อยไว้นานๆ อาจจะทำให้ปัญหาลุกลามไปจนถึงขั้นสร้างความเสียหายแก่ฟันบริเวณอื่นๆได้ การแก้ไขปัญหาในเด็ก จะช่วยให้เด็กจะมีการเจริญเติบโตที่เป็นปกติได้ ทำให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดี เสริมสร้างพัฒนาการในเด็กได้อย่างดี 

ทำให้เด็กได้เรียนรู้ประสบการณ์ต่างๆได้อย่างเต็มที่ โดยไม่มีเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันมาเป้นอุปสรรค ในทางตรงข้าม ถ้าหากพ่อแม่ผู้ปกครองปล่อยปัญหาฟันของเด็กนานว้ การแก้ไขจะทำได้ยากมากยิ่งขึ้น และอาจจะสร้างความเสียหายต่อร่างกายเด็กได้ โดยเฉพาะขากรรไกร ถ้าหากเด็กมีขากรรไกรล่างที่เล็ก อาจมีผลให้ถอยหลังไปกดปิดการหายใจของเด็กทำให้หายใจไม่สะดวกได้ ส่งผลทำให้เด็กมีมีปัญหาต่อระบบการเติบโตของร่างกาย ลักษณะฟันยื่น ฟันเหยิน ก็ทำให้โดนเพื่อนล้อจนทำให้เสียความมั่นใจได้

หากใครสนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดฟันทุกรูปแบบ รวมไปถึงมีประสบการณ์ทางด้านทันตกรรมมาอย่างยาวนาน จึงทำให้มั่นใจได้ว่า บุตรหลานของท่านจะมีสุขภาพฟันที่แข็งแรง มีโครงสร้างของใบหน้าที่ปกติ ทำให้เด็กมีความมั่นใจ และมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้น เพราะทางเราใส่ใจในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก อยากให้เด็กได้มีฟันที่แข็งแรง เพื่อที่จะได้มีพัฒนาการที่ดี สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข มีรอยยิ้มที่สดใสสมวัย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย

11
มือถือ Huawei หัวเหว่ย Huawei Nova11i
N/A

หัวเหว่ย Huawei Nova11i

รายละเอียดเบื้องต้น
   ยี่ห้อ-รุ่น            หัวเหว่ย Huawei Nova11i
   ราคากลาง           -
   จำนวนซิม
   แบบดีไซน์        จอสัมผัส
   สี                   Black(Starry Black), Green(Mint Green)
   ความถี่-เครือข่าย
2G(B2/B3/B5/B8)
3G(B1/B2/B4/B5/B8)
4G(LTE TDD: B38/B40/B41 | LTE FDD: วงดนตรี B1/B2/B3/B4/B5/B7/B8/B13/B20/B28/B66/B26)

   ขนาด-น้ำหนัก                     ยาว 164.6 x กว้าง 75.55 x หนา 8.55 มม., น้ำหนัก 193 กรัม
   ความจุข้อมูลภายใน (ROM)     256 GB
   ความจุข้อมูลภายนอกสูงสุด      -
   แบตเตอรี่ และระบบชาร์จ        ความจุแบตเตอรี่ 5,000 mAh

จอแสดงผล
   ชนิดจอ               จอสัมผัส (LCD)
   ความละเอียด       6.8 นิ้ว, 1,080 x 2,388 px
   รายละเอียดอื่น

กล้องถ่ายรูป
   ขนาด-ความละเอียด                   กล้องหลัง (48 Mpx), กล้องหน้า (16 Mpx)
   ความละเอียดของภาพภ่ายสูงสุด
   คุณสมบัติ                                Auto Focus, Flash, ซูมดิจิตอล

ระบบปฏิบัติการ
   หน่วยประมวลผล (CPU)               Octa-core (4x2.4 GHz Cortex-A73 & 4x1.9 GHz Cortex-A53)
   หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)       Adreno 610
   หน่วยความจำ (RAM)                 8.0 GB
   ระบบเชื่อมต่อภายนอก                 USB(Type-C 2.0), Bluetooth(5.0, รองรับ BLE, SBC, AAC)
   ระบบรับส่งข้อความ                         -
   การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต                    -

12
Doctor At Home: โลหิตเป็นพิษ/ติดเชื้อในกระแสเลือด (Septicemia/Bacteremia)

โลหิตเป็นพิษ หมายถึง ภาวะที่เชื้อหรือพิษของแบคทีเรียแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือดทั่วร่างกาย ถือเป็นภาวะที่มีอันตรายร้ายแรงมาก อาจทำให้เกิดภาวะช็อกถึงตายได้

สาเหตุ

มักเป็นผลแทรกซ้อนของโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ได้ให้ยารักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่แรก หรือพบในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่เป็นเบาหวาน หรือกินยาสเตียรอยด์นาน ๆ

โรคติดเชื้อที่อาจทำให้เกิดภาวะโลหิตเป็นพิษที่พบได้บ่อย เช่น โรคติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ ปอดอักเสบ เยื่อบุช่องท้องอักเสบ ปีกมดลูกหรือเยื่อบุมดลูกอักเสบ ถุงน้ำดีอักเสบ ท่อน้ำดีอักเสบ ไทฟอยด์ เยื่อบุหัวใจอักเสบเรื้อรัง บาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกรุนแรง โรคติดเชื้อแบคทีเรียของผิวหนัง เป็นต้น

อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง หนาวสั่น อาจจับไข้ตลอดเวลาหรือไข้สูงเป็นพัก ๆ ซึม กระสับกระส่าย เบื่ออาหาร ซีด เหลือง (ดีซ่าน) อาจมีจุดแดงจ้ำเขียวขึ้นตามตัว มีเลือดออกตามที่ต่าง ๆ เช่น เลือดกำเดา เลือดออกตามไรฟัน อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายเป็นเลือด เป็นต้น

ถ้าปล่อยทิ้งไว้จะเกิดภาวะช็อก คือ ความดันตก หายใจหอบ และปัสสาวะออกน้อย

ในที่สุดจะเกิดภาวะไตวาย และตายได้


ภาวะแทรกซ้อน

ภาวะไตวาย ช็อก ภาวะเลือดจับเป็นลิ่มทั่วร่างกาย (DIC)


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและการตรวจพบไข้ ซีด เหลือง จุดแดงจ้ำเขียวตามตัว อาจคลำได้ตับโต ม้ามโต

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ เอกซเรย์ นำเลือดหรือปัสสาวะไปเพาะเชื้อ และตรวจพิเศษอื่น ๆ


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะรับตัวไว้ในโรงพยาบาล ให้ยาปฏิชีวนะ เช่น ฉีดเพนิซิลลินขนาดสูง ๆ หรือฉีดเจนตาไมซิน (gentamicin) คาร์เบนิซิลลิน (carbenicillin) เซฟาโลสปอริน (cephalosporin) หรือยาปฏิชีวนะอื่น ๆ ตามชนิดของเชื้อที่เป็นสาเหตุ

นอกจากนี้จะให้การรักษาตามอาการ เช่น ให้น้ำเกลือ ให้เลือด ทำการล้างไต (dialysis) เป็นต้น


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีไข้สูงร่วมกับอาการหนาวสั่น ซึม กระสับกระส่าย เบื่ออาหาร ซีด ตาเหลืองตัวเหลือง มีจุดแดงจ้ำเขียวขึ้นตามตัว หรือมีเลือดออกตามที่ต่าง ๆ (เช่น เลือดกำเดา เลือดออกตามไรฟัน อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายเป็นเลือด เป็นต้น) หรือมีไข้นานเกิน 1 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโลหิตเป็นพิษ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    หลังออกจากโรงพยาบาล มีอาการไข้กำเริบ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ที่ทำให้รู้สึกวิตกกังวล
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

เมื่อเป็นโรคติดเชื้อต่าง ๆ โดยมักมีไข้ร่วมกับอาการอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการตรวจรักษาแต่เนิ่น ๆ จนหายขาด ก็จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโลหิตเป็นพิษแทรกซ้อนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่เป็นเบาหวาน มะเร็ง หรือกินยาสเตียรอยด์นาน ๆ

ข้อแนะนำ

ถ้าพบผู้ที่เป็นไข้เรื้อรัง (นานกว่า 1-2 สัปดาห์) หรือเป็นโรคติดเชื้อซึ่งได้รับยาปฏิชีวนะ 3-4 วันแล้วไข้ไม่ลด ควรกลับไปพบแพทย์ที่ให้การรักษาโดยเร็ว อย่าปล่อยจนกระทั่งกลายเป็นโลหิตเป็นพิษแทรกซ้อน ซึ่งยากแก่การรักษา และสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายสูง

13
คอนโดติดรถไฟฟ้า เอไลฟ์ สุขุมวิท 76 (Alive Sukhumvit 76)
เริ่มต้น 1.49 ลบ.

เอไลฟ์ สุขุมวิท 76 (Alive Sukhumvit 76)
คอนโดใหม่ Low-Rise จัดเต็มทุกฟังก์ชันและดีไซน์ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ Facitities ครบ!! สระว่ายน้ำ ฟิตเนส พร้อมสวนดาดฟ้า เดินทางง่ายใกล้ BTS แบริ่ง, BTS สำโรง, ใกล้ทางด่วนกาญจนาภิเษก, ใกล้ทางด่วนบูรพาวิถี

 รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ                  เอไลฟ์ สุขุมวิท 76 (Alive Sukhumvit 76)
 เจ้าของโครงการ             เอ เบสท์ เอสเตท
 ราคา                          เริ่มต้น 1.49 ลบ.
 ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม.         โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ลักษณะทำเล                 คอนโดใกล้ขนส่งสาธารณะ
 ความสูงคอนโด               Low Rise (ไม่เกิน 8 ชั้น)
 ลักษณะกรรมสิทธิ์           โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ประเภทห้องที่มี              1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน, 3 ห้องนอน
 ขนาดห้องที่มี                ตั้งแต่ 28.00 ถึง 68.00 ตร.ม.
 เนื้อที่ทั้งหมด                2 ไร่ 3 งาน 13 ตร.ว.
 จำนวนตึก                    2 อาคาร
 จำนวนชั้น                    8 ชั้น
 จำนวนห้อง                  375 ยูนิต
 ที่จอดรถทั้งหมด             123 คัน (รวมที่จอดจักรยานยนต์)
 ค่าบำรุงส่วนกลาง           โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 สาธารณูปโภค               สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, รปภ., กล้องวงจรปิดโครงการ, ประตู Key Card, อื่นๆ (Party Room,Co- Kitchen, Game Room), Co-Working Space

 สถานที่ใกล้เคียง
 โซน        สมุทรปราการ, บางพลี, บางบ่อ, พระประแดง
 ที่ตั้ง         ซอย สุขุมวิท 76 ตำบล สำโรง อำเภอพระประแดง สมุทรปราการ 10270

 ขนส่งสาธารณะ
รถไฟฟ้า:
ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม, สถานีหมอชิต - แบริ่ง(แบริ่ง), ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม, สถานี(แบริ่ง - บางปู)(สำโรง)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
อิมพีเรียลเวิล
บิ๊กซีสำโรง
ไบเทค บางนา
เซนทรัล บางนา
เมกา บางนา
101 True Digital Park
โรงเรียนอัสสัมชันสมุทรปราการ
โรงพยาบาลสำโรงการแพทย์

14
จัดฟันบางนา: ข้อแนะนำการใช้ และรักษาดูแล “รีเทนเนอร์” ที่ถูกต้อง

“รีเทนเนอร์” ก็คือเครื่องมือคงสภาพฟันหลังจากการถอดอุปกรณ์จัดฟันออก ซึ่งต้องขอบอกเลยว่าหากทำการจัดฟันเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ทำการใส่รีเทนเนอร์อย่างสม่ำเสมอก็อาจจะทำให้ฟันกลับไปยังตำแหน่งเดิมหรืออาจจะผิดรูปไปเลยก็ได้ รีเทนเนอร์จึงถือได้ว่าเป็นส่วนสำคัญมากๆในการคงสภาพฟันหลังถอดอุปกรณ์จัดฟัน และสามารถรักษาอาการในช่องปากชนิดอื่นๆบางชนิดอีกด้วย จึงควรใส่อย่างสม่ำเสมอตามที่ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ

ซึ่งในวันนี้จะขอมาเอาใจท่านผู้อ่านที่กำลังจัดฟัน หรือกำลังใส่รีเทนเนอร์อยู่ รวมถึงผู้ที่คิดว่ากำลังจะจัดฟันได้ทราบถึงข้อมูล วิธีใช้ และการดูแลรักษา รีเทนเนอร์ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้


ความผิดปกติอื่นๆ ที่รีเทนเนอร์รักษาได้ ?

อย่างที่ทราบกันเป็นอย่างดีแล้วว่า “รีเทนเนอร์” มีหน้าที่หลักๆก็คือ คงสภาพฟันหลังจากที่ถอดอุปกรณ์จัดฟัน ไม่ให้กลับไปตำแหน่งเดิมก่อนที่จะทำการใส่อุปกรณ์จัดฟัน แถมยังสามารถรักษาโรคผิดปกติต่างๆดังต่อไปนี้

– ฟันห่าง

การใส่รีเทนเนอร์นั้นสามารถช่วยให้ผู้ที่มีช่องว่างระหว่างฟันเพียงเล็กน้อย สามารถเคลื่อนกลับมาปิดสนิทได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องทำการจัดฟันและใช้ระยะเวลาไม่นาน

– ภาวะลิ้นยื่นเข้าออกช่องปากตลอดเวลา

สามารถแก้ไขอาการภาวะลิ้นยื่นได้ด้วยรีเทนเนอร์ที่ออกแบบมาเพื่อบังคับให้ลิ้นแตะเพดานปากและไม่ลอดออกมาในขณะพูด

– ความผิดปกติข้อต่อขากรรไกร

ความผิดปกติของข้อต่อขากรรไกร จะทำให้เกิดการสบฟันที่ผิดปกติ ส่งผลให้เกิดการนอนกัดฟัน ซึ่งเป็นหนึ่งในต้อนเหตุของการทำลายเคลือบฟัน ส่งผลให้สุขภาพฟันไม่แข็งแรง ซึ่งหากมีอาการดังกล่าวทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมักแนะนำให้ใส่รีเทนเนอร์เพื่อป้องกันความผิดปกติดังกล่าว


ข้อแนะนำในการใช้รีเทนเนอร์

ต้องขอบอกเลยว่าจริงๆแล้วรีเทนเนอร์มีอายุการใช้งานหลายปี แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าท่านผู้ใช้จะทำการดูแลรักษาได้ดีพอหรือไม่ ซึ่งหากทำตามข้อแนะนำดังต่อไปนี้รับรองว่าท่านจะสามารถใช้รีเทนเนอร์ได้นานที่สุดโดยมีรายละเอียดดังนี้

– ควรเก็บรีเทนเนอร์ไว้ในที่มิดชิด และสำคัญที่สุดคือต้องห่างจากบริเวณที่เสี่ยงต่อการสัมผัสความร้อน เช่น ไมโครเวฟ เครื่องเป่าผม เตาแก๊ส และที่สำคัญห้ามทำความสะอาดรีเทนเนอร์ด้วยน้ำร้อนเด็ดขาด

– ควรแช่รีเทนเนอร์ในน้ำทุกครั้งที่ทำการถอดออก เพราะหากว่าปล่อยไว้ให้แห้งรีเทนเนอร์จะสามารถแตกหักได้ง่ายกว่าปกติ

– ไม่ควรแช่รีเทนเนอร์ในน้ำที่มีสารเคมี เช่น น้ำยาบ้วนปาก หรือน้ำยาล้างฟันปลอม ควรแช่ในน้ำสะอาดเท่านั้น

– ทำความสะอาดกล่องใส่รีเทนเนอร์ด้วยน้ำอุ่นผสมน้ำสบู่ และเช็ดให้แห้ง อย่าให้อับชื้นเพราะจะทำให้เกิดเชื้อโรคได้

– หากว่ารีเทนเนอร์แตกหัก หรือผิดรูปร่าง รวมถึงมีคราบสกปรกที่ไม่สามารถทำความสะอาดให้ออกได้ ควรรีบนำไปให้ทันตแพทย์ดูเพื่อเปลี่ยนอันใหม่ และให้ทำการเปลี่ยนรีเทนเนอร์ตามระยะเวลาที่ทันตแพทย์กำหนดอย่างเคร่งครัด


วิธีทำความสะอาดรีเทนเนอร์ที่ถูกต้อง ?

– เมื่อทำการถอดรีเทนเนอร์ออกให้ทำความสะอาดคราบสกปรกในทันที หากปล่อยทิ้งไว้คราบต่างๆอาจเกาะติดแน่นจนไม่สามารถทำความสะอาดออกได้

– ใช้แปรงสีฟันที่มีขนนุ่ม กับน้ำอุ่นที่ผสมยาสีฟันในการล้างทำความสะอาดทุกครั้งหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ

– ใช้ก้านสำลีขนาดเล็กเช็ดทำความสะอาดในซอกที่ยากต่อการใช้แปรงสีฟันเข้าถึง พยายามทำความสะอาดทุกซอกให้สะอาดเพื่อไม่ให้เกิดการสะสมของเศษอาหารและเชื้อโรคต่างๆ

– ปรึกษาทันตแพทย์ทุกครั้งหากว่านำรีเทนเนอร์ไปแช่น้ำยาบ้วนปาก เพื่อให้ทันตแพทย์ตรวจสอบรีเทนเนอร์ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายในระยะยาว และควรฟังคำแนะนำจากทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด

– ที่สำคัญที่สุดหากว่ารีเทนเนอร์มีปัญหาเพียงเล็กน้อย ก็ควรเข้าพบทันตแพทย์เพื่อให้ตรวจเช็คสภาพก่อนนำมาใช้เพื่อความปลอดภัยของช่องปากท่านเอง

ทั้งหมดนี้ก็คือสิ่งที่แนะนำและอยากให้ทำตามอย่างเคร่งครัดเพราะสุขภาพช่องปากไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หากผิดพลาดท่านอาจจะต้องกลับมาจัดฟันใหม่อีกรอบ เพื่อเป็นการไม่เสียเวลาควรปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นระยะ

15
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: กลุ่มอาการระบายลมหายใจเกิน

กลุ่มอาการระบายลมหายใจเกิน หรือที่รู้จักกันในชื่อ Hyperventilation Syndrome (HVS) คือภาวะที่บุคคลหายใจเร็วและลึกเกินความจำเป็นของร่างกายอย่างต่อเนื่องหรือเป็นช่วงๆ ไม่ได้เกิดจากความต้องการออกซิเจนที่เพิ่มขึ้นจริงๆ (เช่น เวลาออกกำลังกาย) แต่กลับทำให้สมดุลของก๊าซในเลือดเสียไป ซึ่งนำไปสู่อาการทางกายภาพและจิตใจที่หลากหลายและน่าตกใจ

สาเหตุของกลุ่มอาการระบายลมหายใจเกิน
สาเหตุหลักของ HVS มักเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางอารมณ์และจิตใจมากกว่าทางกายภาพโดยตรง แม้จะมีบางกรณีที่เกิดจากสภาวะทางการแพทย์อื่น ๆ:

ความเครียดและความวิตกกังวล: เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด ความเครียดเรื้อรัง ความวิตกกังวล ความตื่นตระหนก หรือความกลัว สามารถกระตุ้นให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะ "ต่อสู้หรือหนี" (Fight or Flight) ซึ่งทำให้การหายใจเร็วขึ้นโดยอัตโนมัติ
โรคแพนิก (Panic Disorder): ผู้ป่วยมักมีอาการแพนิก ซึ่งรวมถึงการหายใจเกินอย่างรวดเร็วและรุนแรง
ภาวะซึมเศร้า: ผู้ป่วยบางรายอาจมีการหายใจที่ผิดปกติร่วมด้วย
ความเจ็บปวด: อาการปวดเรื้อรังหรือปวดเฉียบพลันที่รุนแรงอาจทำให้หายใจเร็วขึ้น
การตอบสนองต่อยาบางชนิด: ยาบางชนิดหรือการใช้สารกระตุ้นอาจส่งผลต่อรูปแบบการหายใจ
สภาวะทางการแพทย์อื่น ๆ (พบน้อยกว่า):
โรคทางเดินหายใจ: เช่น หอบหืด (แม้จะพบน้อยกว่า)
โรคหัวใจ: บางรายอาจมีอาการหายใจเร็วขึ้น
ไข้สูง: การมีไข้สูงอาจทำให้ร่างกายหายใจเร็วขึ้นเพื่อระบายความร้อน
การเสียสมดุลของสารเคมีในเลือด: เช่น การมีกรดในเลือดสูง (Metabolic Acidosis) แต่ในกรณีนี้ การหายใจเร็วเป็นการปรับตัวของร่างกายเพื่อแก้ไขภาวะ ไม่ใช่ Hyperventilation Syndrome โดยตรง
กลไกการเกิดอาการ
เมื่อคนเราหายใจเร็วและลึกเกินไป ร่างกายจะขับก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ออกจากร่างกายมากเกินไป ซึ่งโดยปกติแล้ว CO2 มีบทบาทสำคัญในการรักษาสมดุลกรด-ด่าง (pH) ในเลือด

เมื่อ CO2 ลดลงมากเกินไป เลือดจะมีความเป็นด่างมากขึ้น หรือเกิดภาวะ หายใจเป็นด่าง (Respiratory Alkalosis) ภาวะนี้ส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆ ในร่างกายดังนี้:

หลอดเลือดสมองตีบตัว: การลดลงของ CO2 ทำให้หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองตีบตัวลง เลือดไปเลี้ยงสมองลดลง ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ หน้ามืด สับสน และชา
เพิ่มความไวของเส้นประสาท: ระดับความเป็นด่างที่เพิ่มขึ้นทำให้เส้นประสาทไวต่อการกระตุ้นมากขึ้น ทำให้เกิดอาการชา รู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่ม (tingling) โดยเฉพาะที่มือ เท้า และรอบปาก และอาจมีอาการเกร็งหรือกระตุกของกล้ามเนื้อ (Tetany)
หัวใจ: หัวใจอาจเต้นเร็วขึ้นหรือใจสั่น
อาการของกลุ่มอาการระบายลมหายใจเกิน
อาการสามารถเกิดขึ้นได้หลากหลายและมักสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้ป่วยอย่างมาก:

อาการทางระบบหายใจ:
หายใจถี่ หายใจเร็ว หายใจสั้นๆ ตื้นๆ
รู้สึกหายใจไม่อิ่ม เหมือนได้รับอากาศไม่พอ
หายใจถอนหายใจบ่อยๆ
เจ็บแน่นหน้าอก หรือรู้สึกหนักอก
อาการทางระบบประสาท:
วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด มึนงง
ชา หรือรู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่ม (Tingling sensation) บริเวณรอบปาก มือ และเท้า
มองเห็นไม่ชัด หรือมองเห็นเป็นภาพซ้อน
รู้สึกสับสน สมาธิไม่ดี
ปวดศีรษะ
กล้ามเนื้อกระตุก หรือเกร็ง โดยเฉพาะที่มือและเท้า (มือจีบ ตะคริว)
อาการทางระบบหัวใจและหลอดเลือด:
ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว
รู้สึกเจ็บแปลบๆ ที่หน้าอก (ซึ่งอาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นอาการหัวใจวาย)
อาการทางระบบทางเดินอาหาร:
ท้องอืด แน่นท้อง
คลื่นไส้

อาการทางจิตใจ:
ความรู้สึกวิตกกังวล ตื่นกลัวอย่างรุนแรง
รู้สึกเหมือนจะตาย หรือควบคุมตัวเองไม่ได้
รู้สึกเหมือนจะไม่เป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย (Depersonalization)
ความรู้สึกหวาดกลัวหรือภาวะแพนิก

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัย HVS โดยการ:

ซักประวัติ: สอบถามอาการอย่างละเอียด รวมถึงปัจจัยกระตุ้นและประวัติสุขภาพจิต
ตรวจร่างกาย: เพื่อแยกภาวะทางการแพทย์อื่น ๆ ที่มีอาการคล้ายกัน เช่น โรคหัวใจ โรคปอด หรือความผิดปกติของต่อมไทรอยด์
การทดสอบการหายใจ: อาจให้ผู้ป่วยหายใจเร็วและลึกเพื่อดูว่าสามารถกระตุ้นอาการได้หรือไม่
การตรวจเลือด: ตรวจระดับก๊าซในเลือดแดง (Arterial Blood Gas - ABG) เพื่อดูค่า pH, CO2 และออกซิเจน แต่บางครั้งไม่จำเป็นเสมอไปหากอาการชัดเจนและไม่มีโรคอื่นร่วม

การรักษาและการจัดการอาการ

การรักษา HVS เน้นที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการหายใจและการจัดการกับปัจจัยกระตุ้น:

การควบคุมการหายใจเฉียบพลัน:

หายใจช้าลง: หายใจเข้าทางจมูกช้าๆ กลั้นหายใจเล็กน้อย แล้วหายใจออกทางปากช้าๆ ให้ลมหายใจออกยาวกว่าลมหายใจเข้า
หายใจเข้าออกในถุงกระดาษ (Paper Bag Breathing): วิธีนี้จะช่วยให้ร่างกายหายใจเอา CO2 ที่ขับออกมากลับเข้าไปใหม่ เพื่อช่วยปรับสมดุล CO2 ในเลือดให้กลับมาเป็นปกติ (ควรทำภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือไม่ควรใช้ในผู้ที่มีโรคปอดหรือหัวใจรุนแรง)
หายใจโดยใช้กะบังลม (Diaphragmatic Breathing/Belly Breathing): เน้นการหายใจโดยให้ท้องป่องออกเมื่อหายใจเข้า และท้องแฟบลงเมื่อหายใจออก ซึ่งช่วยให้การหายใจมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดการหายใจตื้นๆ จากหน้าอก


การจัดการปัจจัยกระตุ้น:

การจัดการความเครียดและความวิตกกังวล:
เทคนิคผ่อนคลาย: เช่น การฝึกโยคะ, ไทชิ, การทำสมาธิ (Mindfulness), การฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ (Progressive Muscle Relaxation)
การออกกำลังกาย: ช่วยลดความเครียดและปรับปรุงสุขภาพโดยรวม

การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ:
การบำบัดทางจิตวิทยา (Psychotherapy):
การบำบัดด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและความคิด (Cognitive Behavioral Therapy - CBT): เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากในการจัดการกับความวิตกกังวล โรคแพนิก และรูปแบบการคิดที่นำไปสู่ HVS


การใช้ยา (ในบางกรณี):
แพทย์อาจพิจารณาให้ยาคลายความกังวล (Anxiolytics) หรือยาต้านเศร้า (Antidepressants) ในกรณีที่อาการรุนแรงหรือมีความผิดปกติทางจิตเวชร่วมด้วย


หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น:

ลดการดื่มกาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง หรือสารกระตุ้นอื่นๆ ที่อาจทำให้ใจสั่นหรือหายใจเร็วขึ้น

สิ่งสำคัญคือ ผู้ที่มีอาการกลุ่มอาการระบายลมหายใจเกินควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและแยกโรคอื่นๆ ออกไป และรับคำแนะนำในการจัดการอาการอย่างเหมาะสม การเรียนรู้ที่จะควบคุมการหายใจและจัดการกับความเครียดเป็นกุญแจสำคัญในการใช้ชีวิตร่วมกับภาวะนี้อย่างมีความสุข.

หน้า: [1] 2 3 ... 25